วันอังคารที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2552

-*-World TRade CeNteR-----!@!*-*


เวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ (อังกฤษ: World Trade Center) เป็นกลุ่มอาคารจำนวน 7 ตึกในนครนิวยอร์ก ก่อสร้างระหว่าง พ.ศ. 2509-2520 (เวลารวมในการก่อสร้างครบ 7 ตึก) ออกแบบโดยสถาปนิกลูกครึ่งอเมริกัน-ญี่ปุ่น มิโนรุ ยามาซากิ ร่วมด้วยบริษัท เอเมอร์รี่ รอท แอนด์ซันส์ ตึกคู่แฝด 2 ถูกทำลายในเหตุการณ์วินาศกรรม 11 กันยายน พ.ศ. 2544 และตึกอื่น ๆ เสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้.

เมื่อวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 2001 ได้มีการปล้นเครื่องบินพาณิชย์และพุ่งเข้าชนอาคารแฝดซึ่งได้แก่ อเมริกัน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 11 ชนตึกWTC1ตรงบริเวณชั้นที่90-95 และ ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ 175 ชนตึกWTC2บริเวณชั้นที่75-90 ในภายหลังจากการชนตึกทั้งสอง ตึกทั้งสองได้ถล่มลงมา โดยที่อาคารแรกที่ถล่มคือตึกWTC2ซึ่งระยะเวลาที่เครื่องถูกชนจนตึกถล่มคือ1ชั่วโมงเศษ และตึกWTC1ถล่มที่หลังจากที่อาคารที่2เพียง45นาที หรือ ระยะเวลาที่เครื่องถูกชนจนตึกถล่มคือ1ชั่วโมง45นาที อาคารหมายเลข 7 ถล่มในวันถัดมาเนื่องจากการถล่มของอาคารทั้งคู่เป็นเหตุที่ทำให้รากฐานของตัวตึกเริ่มที่จะไม่มั้นคงประกอบกับตัวอาคารเกิดไฟไหม่ทำให้โครงเหล็กคำยันของอาคารWTC7ถล่มลงโชคดีที่มีการอพยพผู้คนออกจากตึกนี้ก่อนที่มันจะถล่มลงมา ส่วนอาคารที่เหลืออีก 4 อาคารเสียหายอย่างหนักเนื่องจากถูกตึก 1 ตึก 2 ถล่มลงมาทับ มีผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ 2,749 คน.

อาคารเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์มีแผนการก่อสร้างใหม่ในชื่อ Memory Foundation ซึ่งประกอบด้วยอาคาร ฟรีดอมทาวเวอร์ (Freedom Tower) สูง 1,776 ฟุต (541 ม.) มีการปรับปรุงแบบหลายครั้ง ในที่สุดได้แบบสุดท้ายโดยสถาปนิกชื่อลิเบสกินด์ (Libeskind) และภูมิสถาปนิกชื่อ ปีเตอร์ วอล์คเกอร์ (Peter Walker) ผู้ออกแบบลานอนุสรณ์สถาน อาคารหมายเลข 7 ได้มีการสร้างเสร็จก่อน ในช่วงต้นปี 2549 ส่วนอาคาร Freedom Tower จะสร้างเสร็จประมาณปีพ.ศ. 2554 หรือค.ศ. 2011


วันพฤหัสบดีที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2552

UHh!!! Tokyo--/--/--/--/--/--/--In JApAN**-*-*-*-*-*-


Tōkyō (東京) est la capitale administrative de facto du Japon depuis 1868, en tant que lieu de résidence de l'Empereur du Japon, du Premier ministre et siège de la Diète (le parlement japonais), du Cabinet, de tous les ministères qui le constituent et de toutes les ambassades étrangères. Ce statut n'est toutefois pas défini par la Constitution. Elle constitue le principal centre politique de l'archipel depuis le XVIIe siècle.
Mondialement réputée pour son aspect alliant ultra-modernité et tradition, elle est caractérisée par ses gratte-ciels, ses magasins de produits électroniques et de matériels Hi-Fi, mais aussi par ses nombreux sanctuaires shinto et temples bouddhistes, notamment dans les arrondissements de Chiyoda, Shibuya ou Minato.
La métropole de Tōkyō ou préfecture de Tōkyō forme l'une des 47 préfectures du Japon, mais dispose d'un statut administratif particulier de préfecture métropolitaine. L'agglomération de Tōkyō toutefois s'étend au-delà des limites territoriales de la préfecture, rayonnant sur une large frange de la baie de Tōkyō, ainsi que sur la région du Kantō. L'agglomération de Tōkyō, quelle que soit la manière dont on la définit, forme l'aire urbaine la plus peuplée au monde.

Dénomination de Tōkyō et de ses habitants.

En japonais, le nom de la ville s'écrit 東京 (prononciation).
En français, on ne prononce pas le nom de la ville comme en japonais et l'on écrit généralement « Tokyo », ce qui correspond à la prononciation française /tɔ.kjo/. L'ancienne graphie Tokio qui était utilisée en français au début du XXe siècle, est toujours utilisée en allemand et en espagnol, ainsi qu'en espéranto (entre autres).
Pour la France, l'arrêté du 4 novembre 1993 relatif à la terminologie des noms d'États et de capitales, pris conjointement par les ministres des Affaires étrangères et de l’Éducation nationale, « recommande » la seule graphie Tokyo. Il en va de même de la commission de toponymie de l'Institut géographique national français et du code de rédaction interinstitutionnel de l'Union européenne. Les Japonais eux-mêmes utilisent parfois la graphie Tokyo dans leur retranscription en rōmaji du nom de la ville.

วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

--ง่ายๆๆกับการลดความ---อิอิ--


ความอ้วน!!ไม่เพียงแต่จะทำให้ร่างกายไม่สวยงาม ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้หลายทาง คนที่มีน้ำหนักมากเกินควร จะมีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคเบาหวานได้ง่ายกว่าคนปกติ ธรรมดา เพราะฉะนั้น ความอ้วน จึงถือเป็นโรคชนิดหนึ่งที่ต้องทำการรักษาแก้ไข เป็นที่ทราบกันดีว่าการลดน้ำหนักนั้น เป็นเรื่องยากลำบาก ต้องพยายามอดอาหาร หรือทานน้อยลง แล้วยังต้องออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ บางคนลดอาหารอยู่ได้ไม่นานก็หมดกำลังใจ กลับมาทานมากตามเดิม บางคนพยายามเดิน วิ่ง กระโดดเชือก หรือว่ายน้ำอยู่ได้ไม่กี่อาทิตย์ ก็รู้สึกเบื่อหน่าย ล้มเลิกไป การไปหาหมอให้ฉีดยาขับน้ำออกจากร่างกายมักจะมีผลแต่เพียงระหว่างเวลาที่ทำการรักษา เมื่อหยุดไป น้ำหนักก็ค่อยๆ เพิ่มกลับมา วิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพดี ในการช่วยลดความอ้วน โดยไม่ต้องลดจำนวนอาหารที่เราทานอยู่ หรือหักโหม ออกกำลังกายจนเกินควร วิธีนี้ขึ้นอยู่กับการรู้จักลักษณะของอาหารชนิดต่างๆ ที่เราบริโภค ประกอบกับการออกกำลังการเพียงเล็กน้อย...

สิ่งแรกที่จะต้องระลึกอยู่เสมอ คือ อาหารชนิดต่างๆ ที่เรารับประทานนี้ มีคุณสมบัติไม่เหมือนกัน อาหารบางชนิดมีจำนวน Calories สูง ทานแล้วอ้วน บางอย่างมีจำนวน Calories ต่ำ ทานได้จนอิ่ม น้ำหนักก็ไม่ขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าทานเนื้อหมู 100 กรัม ร่างกายจะได้รับพลังงานถึง 400 Calories แต่ ถ้าท่านทานแตงกวา 100 กรัม ร่างกายจะได้รับพลังงานเพียง 15 Calories วันๆ หนึ่ง มนุษย์เราต้องการพลังงานจากอาหารเพียง 2000 ถึง 3000 Calories เท่านั้น คนที่นั่งๆ นอนๆ ไม่ค่อยออกกำลังกาย จะมีความต้องการพลังงานน้อย คนที่เล่นกีฬาออกกำลังอยู่เสมอ จะมีคามจำเป็นต้องได้พลังงานจากอาหารมากกว่า เพราะฉะนั้น ข้อแรกในการลดน้ำหนัก คือพยายามไม่ทานอาหารจำพวก Calories มากกว่าที่ร่างกายต้องการ สตรีไทยส่วนมาก รูปร่างไม่ใหญ่ และไม่ค่อยออกกำลังมากในชีวิตประจำวัน ทานอาหารเพียงวันละ 1500 ถึง 2000 Calories ก็จะมีรูปร่างสวยงามได้

สิ่งที่สองที่ควรทราบ คือ อาหารแต่ละชนิดที่ท่านทานนี้ มีส่วนประกอบสำคัญอยู่ 3 อย่าง คือ ไขมัน ( fat โปรตีน ( protein ) และแป้ง ( carbohydrate ) ตัวที่เป็นอันตรายต่อร่างกายที่สุด คือ ไขมัน ไขมัน หรือ fat นี้ มีจำนวน Calories อยู่สูงมาก ทานเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้อ้วนได้ คนที่ทานไขมันมาก จะมีไขมันอยู่ที่ร่างกายมากเกินควร ตามส่วนต่างๆ เช่น ใบหน้า ท้อง แขน ขา และสะโพกดูอุ้ยอ้ายน่าเกลียด เวลาตรวจเลือดดู จะพบไขมันอยู่ใน 2 ลักษณะ เป็นแบบ Cholesterol และแบบ Triglycerides เวลาไปให้แพทย์ตรวจร่างกาย ควรบอกให้หมอตรวจดูระดับของ Cholesterol และTriglycerides ในเลือดด้วย คนที่มีสุขภาพดี ระดับ Cholesterol ไม่ควรเกิน 250 mg.% และระดับ Triglycerides ไม่ควรเกิน 135 mg.% ถ้าเรามีไขมันในเส้นเลือดและในร่างกายมากเกินไป มันจะไปฝังตัวในเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจ ทำให้เส้นเลือดนี้ตีบ และหัวใจวายเสียชีวิตตั้งแต่อายุน้อย นอกจากนั้น ยังเป็นที่ เชื่อกันว่าทานอาหารที่มีไขมันสูง อาจทำให้เป็น โรคมะเร็งในลำไส้ และมะเร็งในเต้านมได้ ...